วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การยื่นเอกสารขอใช้สิทธิ์ฯรถคันแรก

-->
การยื่นเอกสารขอใช้สิทธิ์ฯรถคันแรก

หลังจากได้จองรถ H0NDA JAZZ  และได้รับรถเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่รอจดทะเบียนเพื่อให้ได้สำเนาคู่มือ  เพื่อยื่นขอใช้สิทธิ์ฯรถคันแรก  เหตุที่ต้องรอเพราะนโยบายรัฐบาล กรณีที่ซื้อหรือจองรถยนต์ก่อนวันที่ 30 กรกฎาคม 2555  ยื่นเอกสารหลักฐานตามที่ปรากฏในใบคำขอใช้สิทธิ์ฯ ทั้งหมดภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ก็ได้ศึกษารายละเอียดพอสมควร  เรียกว่าทำการบ้านมาดีในการจัดการตามล่าเอกสารต่างๆ  เพื่อให้ทันกำหนด
เมื่อเอกสารครบจึงได้ให้ลูกสาวไปดำเนินการยื่นขอใช้สิทธิ์ฯ ที่สรรพากรสมุทรปราการ 2  (เพราะซื้อเป็นชื่อของลูกสาว)  พอลูกสาวไปถึงสรรพากรสมุทรปราการ 2 โทรศัพท์มาบอกว่าคนเยอะมากไม่ทันได้บัตรคิว  จึงให้กลับบ้านมาก่อน  ผมมาเริ่มมองหาช่องทางอื่นนึกได้ว่าสามารถยื่นขอใช้สิทธิ์ฯ ทางอินเตอร์เน็ทได้  จึงได้ดำเนินการยื่นแบบออนไลน์  และได้รับเลขที่รับแบบทางอินเตอร์เน็ทเรียบร้อย  ตกเย็นเลิกจากทำงานเวลาประมาณสามทุ่ม จึงลองไปสำรวจดูที่สรรพากรสมุทรปราการ 2  ปรากฏว่ามีคนมารอเต็มพื้นที่เลย   นี่แค่สามทุ่มเองนะเนี่ย  (แบบไม่ต้องหลับต้องนอนกันเลย) แต่ผมไม่สนใจถือว่ายื่นออนไลน์แล้ว  เพียงแต่รอส่งเอกสารเท่านั้น  หลังจากนั้นผมได้ขับรถกลับ
พอรุ่งเช้าให้ลูกสาวมาส่งเอกสาร  บอกว่าได้บัตรคิวที่ 5  สำหรับผู้ที่สมัครยื่นแบบออนไลน์มาแล้ว  ใช้เวลาแค่ประมาณ 10 กว่านาทีเอง  นี่ก็นับเวลาถอยหลังเหลืออีกเพียงไม่กี่วันกี่สิ้นปี 2555 แล้ว  ใครสนใจอยากยื่นใช้สิทธิ์ให้ทันลองศึกษา คู่มือการยื่นใช้สิทธิ์ฯผ่านอินเตอร์เน็ทโครงการรถใหม่คันแรกตามโครงการรัฐบาล
เอกสารมีดังนี้
1.ใบคำขอใช้สิทธิ์ฯ และเงื่อนไขสำหรับรถยนต์คันแรกตามนโยบายรัฐบาล 
2. สำเนาบัตรประชาชน
3. สำเนาทะเบียนบ้าน
4. สำเนาสัญญาเช่าซื้อ (กรณีเช่าซื้อ)
5. สำเนาบัตรประชาชน
6. สำเนาคู่มือจดทะเบียน
7. หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนรถยนต์ใหม่คันแรก (ต้องให้ ผู้ให้เช่าซื้อ เซ็นต์เอกสารด้วย)
8. สำเนาหลักฐานการซื้อขาย (ใบเสร็จรับเงินดาว์นจากไฟแน๊นท์)
9. สำเนาใบรับมอบรถยนต์
10. สำเนาหน้าแรกสมุดบัญชีธนาคาร  (ออมทรัพย์)


หลังจากได้เดินทางไปส่งเอกสารที่สรรพากร และได้ใบตอบรับเป็นที่เรียบร้อย  ได้ Login  เว็บสรรพากรดังภาพ

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น


การดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น
ปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจประเทศไทย ถึงแม้ค่าจ้างแรงงานจะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม  แต่นั่นหมายถึงว่าค่าครองชีพก็สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ข้าวของมีราคาแพงขึ้น ค่าน้ำค่าไฟฟ้าที่มองดูเหมือนถูกลงแต่ที่จริงไม่ได้ถูกลงอย่างที่คิด  ไหนจะค่าน้ำมันรถในการเดินทางไปทำงานหรือทำธุระต่างๆ  ไหนยังจะมีค่าบำรุงรักษารถยนต์อีกจิปาถะ  ทุกคนจึงต้องมองหาวิธีที่จะประหยัดเงินค่าใช้จ่าย  การดูแลรักษารถยนต์ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการใช้รถของผู้ที่มีรถ ไม่ใช่ว่ามีรถอยู่คัน มีกุญแจอยู่ดอก มีหน้าที่ขับก็ขับอย่างเดียว  ทุกวัน ทุกเดือน  ทุกปี  ขับมาเป็นปีแล้วยังไม่รู้เลยว่า ลมยางอ่อน  หม้อน้ำแห้ง  ระดับน้ำมันเบรกต่ำ  บทความนี้ผมจะแนะนำวิธี การดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น เพื่อช่วยผู้ที่มีรถยนต์และต้องการลดค่าใช้จ่ายการดูแลรักษารถสุดที่รักของตัวเองให้อยู่กับเราไปได้นานที่สุด
การดูแลรักษาเครื่องยนต์
1.       กระปุกน้ำมันเบรก                                      6.  สายพาน
2.       กรองอากาศ                                                  7.  ฝาปิดหม้อน้ำ
3.       ก้านวัดน้ำมันเครื่อง                                    8.  ถังพักน้ำสำรอง
4.       กระปุกน้ำฉีดกระจก                                   9.  แบตเตอรี่
5.       กระปุกน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์              10. ก้านวัดน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ
น้ำมันเบรก/น้ำมันคลัทช์
-          ควรตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกและน้ำมันคลัทช์ในกระปุกอย่างน้อยเดือนละครั้ง
-          ระดับน้ำมันเบรกและน้ำมันคลัทช์ ควรอยู่ระหว่างขีดบน(MAX) และขีดล่าง(MIN)
-          ถ้าระดับน้ำมันเบรกและน้ำมันคลัทช์ต่ำกว่า(MIN) แสดงว่าผ้าเบรกสึกหรอจากการใช้งาน หรือระบบเบรกอาจรั่วซึม
ระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์
-          ควรตรวจสอบระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ในกระปุกอย่างน้อยเดือนละครั้ง
-          ระดับน้ำมันพวงมาลัยควรอยู่ระหว่างขีดบน(UPPER) และขีดล่าง(LOWER)
-          น้ำมันพวงมาลัยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน
-          หากสีของน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์เปลี่ยน หรือมีน้ำปะปนควรเปลี่ยน
ระดับน้ำฉีดกระจกหน้า
-          ควรตรวจสอบระดับน้ำฉีดกระจกอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือก่อนเข้าฤดูฝน และก่อนเดินทางไกล
-          ไม่ควรใช้สารละลายอื่นเติม เช่น ผงซักฟอก อาจทำให้สีรถยนต์เสียหายได้
ระดับน้ำมันเครื่องยนต์
-          ควรตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องยนต์อย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือทุกครั้งที่เติมน้ำมันเชื้อเพลิง และก่อนเดินทางไกล
-          ระดับน้ำมันบนก้านวัด ควรอยู่ระหว่างขีดบน และขีดล่าง
-          เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆ 10,000 กม. หรือ 6 เดือน  หรืออย่างใดอย่างหนึ่งมาถึงก่อน
ระดับน้ำยาหล่อเย็น
-          ควรตรวจสอบระดับน้ำยาหล่อเย็นในหม้อพักอย่างน้อยเดือนละครั้ง
-          หากระดับน้ำยาหล่อเย็นต่ำกว่าขีดล่าง(MIN) ควรเติมให้อยู่ในระดับสูงสุด(MAX)
-          ไม่ควรเปิดฝาหม้อน้ำในขณะเครื่องยนต์ร้อน จะทำให้น้ำหล่อเย็นพุ่งออกมา และให้ได้รับอันตราย
ระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่
-          แบตเตอรี่ Maintenance Free รับประกัน 1 ปี ไม่เกิน 50.000 กม.
-          ควรตรวจระดับน้ำกลั่นทุกๆ 6 เดือน
-          หากระดับน้ำกลั่นลดลง  ควรใช้น้ำกลั่นบริสุทธิ์เติมเท่านั้น
-          หากเติมน้ำกลั่นล้นโดนตัวรถยนต์ หรือโดนร่างกายควรล้างด้วยน้ำสะอาดทันที
การตรวจสภาพสายพานต่างๆ
-          สายพานแอร์
-          สายพานเพาเวอร์
-          สายพานไดชาร์ท
-          ควรตรวจสอบความตึง รอยแตก เสียง และสภาพสมบูรณ์หรือไม่
การตรวจสอบยางรถยนต์
-          ควรตรวจเช็คลมยาง  และปรับแต่งให้ถูกต้องตามอัตราที่กำหนด ในหนังสือคู่มือของรถยนต์เป็นประจำ
-          ห้ามปล่อยลมยางออก  เมื่อความดันลมยางสูงขึ้นขณะกำลังใช้งาน เพราะความร้อนที่เกิดขึ้นขณะใช้งาน เป็นตัวทำให้ความดันลมภายในยางสูงขึ้น เมื่อยางเย็นตัวลง ความดันลมยางก็จะกลับสู่สภาวะปกติ
-          สำหรับยางอะไหล่  ให้ตรวจเช็คลมยางให้ถูกต้องทุกๆ เดือน
-->