วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Toyota Hybrid Expo 2012 เทคโนโลยีไฮบริดเต็มรูปแบบ 5 จังหวัดทั่วประเทศ

-->
Toyota Hybrid Expo 2012  เทคโนโลยีไฮบริดเต็มรูปแบบ 5 จังหวัดทั่วประเทศ
นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงการจัดงานแสดงเทคโนโลยีไฮบริดเต็มรูปแบบ สู่สาธารณชนทุกภูมิภาค 5 จังหวัดทั่วประเทศ ในงาน Toyota Hybrid Expo 2012 ระหว่างเดือนกรกฎาคม ถึง พฤศจิกายน ศกนี้ เพื่อตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีไฮบริดเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์ไฮบริดกว่า 4 ล้านคันทั่วโลก         
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้มีการแนะนำเทคโนโลยี Hybrid Synergy Drive สู่ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ในรถยนต์ คัมรี ไฮบริด เมื่อปี 2552 โดยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในระยะเวลาอันสั้น จากนั้นในปี 2553 โตโยต้าจึงได้แนะนำรถยนต์ไฮบริดที่มีชื่อเสียงระดับโลก  โตโยต้า พริอุส เข้าสู่ตลาดเพื่อเป็นการตอบรับกระแสความนิยมของเทคโนโลยีไฮบริดในขณะนั้น  มาจนถึงในปี 2555 นี้  โตโยต้าได้ทำการแนะนำรถยนต์เทคโนโลยีไฮบริดเพิ่มเติมอีก 2 รุ่น ได้แก่ พริอุส ซี และ อัลฟาร์ด ไฮบริด เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นและความใส่ใจในด้านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของโตโยต้า และทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์โตโยต้าไฮบริดในประเทศไทย จนถึงปัจจุบันนี้ มีจำนวนสูงถึงกว่า 30,000 คัน ภายในช่วงระยะเวลาเพียง 3 ปี    
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด  จึงขอนำทุกคนร่วมเดินทางสู่โลกการขับขี่แห่งอนาคตกับการจัดงานแสดงเทคโนโลยีไฮบริดเต็มรูปแบบ Toyota Hybrid Expo 2012 The Intelligent Drive for Tomorrowเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีไฮบริดของโตโยต้า และสื่อสารให้ลูกค้าและสาธารณชนทั่วไป ได้มีความรู้ความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้น เกี่ยวกับระบบไฮบริด เทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะแห่งอนาคต ที่ให้สมรรถนะอันดีเยี่ยม ห้องโดยสารที่เงียบสงบ ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นแนวคิดในการพัฒนายานยนต์ที่โตโยต้าใส่ใจและให้ความสำคัญมาโดยตลอด
งานแสดงเทคโนโลยีไฮบริด Toyota Hybrid Expo 2012 จะจัดขึ้นใน 5 จังหวัด ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต ขอนแก่น และ เชียงใหม่ โดยภายในงานจะมีการจัดแสดงเทคโนโลยีไฮบริด ผ่านสื่อ Interactive ในรูปแบบต่างๆ ท่ามกลางธีมบรรยากาศของป่าแห่งอนาคตที่สุดล้ำเหนือจินตนาการ โดยแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ได้แก่
                โซน Why Hybrid….นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน ผ่านทางอุโมงค์ 4มิติ ในรูปแบบของแสง สี เสียง และหมอกควัน ที่จะแสดงให้เห็นถึงปัญหามลภาวะในปัจจุบันซึ่งเกิดจากการกระทำของมนุษย์  พร้อมทั้งอธิบายถึงเทคโนโลยีไฮบริด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลไกที่สามารถมีส่วนช่วยในการลดมลภาวะและรักษาสิ่งแวดล้อมได้
โซน History of Toyota Hybridนำเสนอข้อมูลผ่านทางวิดีโอกราฟฟิค ที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและวิวัฒนาการของเทคโนโลยีไฮบริด ตลอดจนความสำเร็จของรถยนต์โตโยต้าไฮบริด นับตั้งแต่เริ่มแนะนำเข้าสู่ตลาดโลกเป็นครั้งแรกในปี 2540 จนถึงปัจจุบัน
โซน Hybrid Technologyนำเสนอข้อมูลผ่านทางสื่อผสมระบบสัมผัส (Interactive screen & Games) เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการทำงานของระบบไฮบริด พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่น และการรับรู้ถึงประโยชน์ของระบบไฮบริด
·  แสดงให้เห็นถึงวิธีการทำงานอย่างชัดเจนของระบบไฮบริด ผ่านทางจอสัมผัส และ PRIUS Cut Body
·  นำเสนอลักษณะเด่นของระบบไฮบริดของโตโยต้า และไฮบริดระบบอื่นๆ
· นำเสนอคุณประโยชน์ 4 ข้อหลักของระบบไฮบริด อันได้แก่ สมรรถนะที่ดีเยี่ยม ห้องโดยสารที่เงียบสงบ ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
·  มีการสาธิตเพื่อพิสูจน์คุณภาพและความทนทานของแบตเตอรีไฮบริดที่ผ่านการใช้งานมาแล้วกว่า 200,000 กิโลเมตร โดยผู้เชี่ยวชาญจากฝ่ายข้อมูลเทคนิคของโตโยต้า และรับชมวิดีโอสาธิตการนำรถไฮบริดแช่น้ำเพื่อพิสูจน์ความทนทานและความปลอดภัยของแบตเตอรีไฮบริด
· บอร์ดนำเสนอความคิดเห็นของเหล่าบรรดาเซเลบริตี้และดาราทั้งไทยและต่างประเทศที่เป็นผู้ใช้จริงและเป็นเจ้าของรถยนต์โตโยต้าไฮบริด
โซน Experience the Hybridนำเสนอจุดขายของรถยนต์ไฮบริดในรูปแบบต่างๆ อาทิ Hybrid Corner, Camry X-Ray, PRIUS LED Wall Display พร้อมชม สัมผัส ทดลองขับ และเลือกเป็นเจ้าของยนตรกรรมไฮบริดทุกรุ่นของโตโยต้า ด้วยเงื่อนไขพิเศษโดนใจภายในงาน
โซนEntertainmentตื่นตาตื่นใจกับกับโชว์การแสดงต่อสู้แห่งอนาคต ระหว่างคนกับหุ่นยนต์Orientarhythmจากประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในไทยพร้อมร่วมสนุกกับมินิคอนเสิร์ตจากเหล่าศิลปินดังตลอดจนกิจกรรมต่างๆ พร้อมลุ้นรับของรางวัลพิเศษมากมายภายในงาน
เตรียมสัมผัสกับเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะแห่งอนาคต ในงาน Toyota Hybrid Expo 2012 ระหว่างเดือน กรกฎาคม ถึง ตุลาคม 2555 นี้ ในทุกภูมิภาค 5 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี ภูเก็ต ขอนแก่น และ เชียงใหม่
ที่มา:ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 

รถคันแรก รายละเอียดและวิธีการเงื่อนไขการคืนเงินภาษี


รถคันแรก รายละเอียดและวิธีการเงื่อนไขการคืนเงินภาษี
นโยบายโครงการรถคันแรกของรัฐบาล เป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้ที่ต้องการมีรถไว้ใช้สอย ซึ่งปัจจุบันเราจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารถเป็นปัจจัยสำคัญ ไม่แพ้ปัจจัยสี่ที่มีมาแต่สมัยปู่ ย่า ตา ทวด อันได้แก่เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัย ยาและอุปกรณ์รักษาโรค ในการซื้อรถยนต์คันแรก จะเป็นการคืนเงินภาษีเท่ากับที่จ่ายจริง แต่จะคืนได้ไม่เกิน 100,000 บาท และภาครัฐจะคืนภาษีได้เมื่อครอบครองรถยนต์ไปแล้วเป็นเวลา 1 ปี
รายละเอียด ข้อกำหนด เงื่อนไขต่างๆมีดังนี้
1. ผู้ซื้อต้องอายุ 21 ปีขึ้นไป
2. ผู้ซื้อจะต้องไม่เคยซื้อรถยนต์มาก่อน
3. ระยะเวลา จะต้องซื้อตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 – 31 ธันวาคม 2555
4. โดย ราคารถยนต์นั้นจะต้องไม่เกิน 1,000,000 บาท
5. เครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี (สำหรับรถกระบะจะไม่จำกัด ซีซี)
6. เป็นรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยเท่านั้น
7. เป็นรถใหม่ (ป้ายแดง,มือสองไม่ได้)
8. ห้ามโอนเปลี่ยนมือใน 5 ปี ยกเว้นกรณีรถถูกยึดเนื่องจากไม่ได้ผ่อนต่อ ไฟแนนสามารถเปลี่ยนมือได้
วิธีดำเนินการ
1. ผู้ซื้อรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ต้องยื่นคำขอคืนเงินกับกรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ พร้อมเอกสารหลักฐาน ประกอบด้วย
- หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปี
- สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ
- สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)
2. กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่มีหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อขอตรวจสอบการครอบครองรถยนต์คันแรก และแจ้งการสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปีของผู้ซื้อ
3. กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจสอบและบันทึก ห้ามโอนภายใน 5 ปีลงในคอมพิวเตอร์และในสมุดคู่มือการจดทะเบียน
4. กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดส่งหนังสือรับรองการครอบครอง รถยนต์คันแรก และสำเนาคู่มือการจดทะเบียนที่บันทึก ห้ามโอนภายใน 5 ปีให้กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่
5. กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ และสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ซื้อเมื่อครอบครองครบ 1 ปี โดยจ่ายเป็นเช็คให้ในครั้งเดียว
กรณีรถถูกยึดเนื่องจากไม่สามารถผ่อนชำระต่อได้
การปลดล็อคเงื่อนไข ห้ามโอนภายใน 5 ปี กรณีผู้ซื้อรถ(ผ่อน)ผิดนัดไม่สามารถผ่อนชำระต่อได้ ไฟแนนซ์ก็สามารถยื่นเรื่องให้กรมสรรพสามิตตรวจสอบ ว่าเป็นจริง เป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าผู้ซื้อรถผิดนัดไม่ผ่อนชำระต่อจริง  ก็จะแก้เงื่อนไขกรณีห้ามโอนภายใน 5 ปี ให้สามารถนำรถไปขายทอดตลาดได้
และจะเรียกเงินภาษีจากผู้ที่ซื้อรถไปแล้วแต่ไม่สามารถผ่อนต่อได้ คืนกลับให้กรมสรรพสามิตเท่ากับจำนวนที่ได้รับไป (ผู้ซื้อรถไปแล้วแต่ไม่สามารถผ่อนต่อได้ จะต้องคืนเงินให้กรมสรรพสามิตเท่ากับจำนวนเงินที่ได้รับการคืนภาษีรถยนต์คันแรก)
หลักฐาน 7 อย่าง ที่ผู้ซื้อรถคันแรกจะต้องมานำยื่น เพื่อขอคืนภาษีกับกรมสรรพสามิตทั่วประเทศ ประกอบด้วย
- แบบคำขอคืนภาษี
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาหนังซื้อเช่าซื้อ
- สำเนาคู่มือการจดทะเบียนรถ
- หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปี
- และหลักฐานการซื้อรถยนต์
ซึ่งกรมฯ จะใช้เวลา 7 วัน ยืนยันการได้รับคืนภาษีและผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนภายหลัง 1 ปี นับจากวันที่ซื้อ
แหล่งที่มา:
http://news.mthai.com/headline-news/130704.html
http://thaielectionnews.blogspot.com/2011/09/blog-post.html
-->

ครม.ไฟเขียวขยายเวลารับมอบรถยนต์คันแรก ถึงสิ้นปี 2557

-->
ครม.ไฟเขียวขยายเวลารับมอบรถยนต์คันแรก ถึงสิ้นปี  2557
และแล้วความฝันของทุกๆ คน ก็เป็นความจริง  เมื่อ ครม.ไฟเขียวได้เห็นชอบการขยายเวลาการรับส่งมอบรถยนต์และเอกสารหลักฐานของราชการออกไป โดย
นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวแถลงข่าว หลังประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 30 ก.ค. 2555 เห็นชอบขยายเวลารับและส่งมอบรถยนต์คันแรกออกไป ไม่มีกำหนด และให้ยื่นขอคืนเงินภาษีรถยนต์คันแรกไม่เกิน 1 แสนบาท ต่อกรมสรรพสามิต ภายใน 90 วันนับจากวันรับมอบรถยนต์ โดยผู้ขอใช้สิทธิจะต้องจองรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดโครงการ
ขณะเดียวกัน เพื่อให้โครงการรถยนต์ใหม่คันแรก ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น กระทรวงการคลัง พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ควรขยายเวลาวันสิ้นสุดโครงการที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 แต่เห็นควรขยายเวลารับและส่งมอบรถยนต์ รวมถึงเอกสารหลักฐานบางรายการออกไป
เนื่องจากวันที่ 31 ธ.ค.55  ผู้ใช้สิทธิ์อาจยังไม่ได้รับมอบรถยนต์ หรือจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกไม่ทันตามกำหนด เวลา จึงผ่อนผันให้ผู้ขอใช้สิทธิ์นำเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม มายื่นที่สำนักงาน สรรพสามิตพื้นที่ หรือสรรพสามิตสาขา ภายในระยะเวลา 90 วันนับจากวันมอบรถยนต์
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.เห็นชอบการยกเว้นภาษีนำเข้า ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม การยกเว้นภาษีการขายให้กับบุคคลธรรมดาโดยจะบังคับใช้จนถึงสิ้นปี 2557 เพื่อสนับสนุนกลุ่มอัญมณีไทยให้เป็นศูนย์กลางอัญมณีของโลก
สำหรับแนวทางการดำเนินงานตามที่กระทรวงการคลังเสนอมีดังนี้
1. ผู้ขอใช้สิทธิฯ ต้องทำการซื้อหรือจองรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 และต้องยื่นคำขอใช้สิทธิฯ และเอกสารประกอบการใช้สิทธิฯ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ดังนี้
(1) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
(2) สำเนาทะเบียนบ้าน
(3) สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ถ้ามี)
(4) สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ขอใช้สิทธิฯ
(5) ใบจองรถยนต์ (ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555)

2. เนื่องจากในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ผู้ขอใช้สิทธิฯ อาจจะยังไม่ได้รับมอบรถยนต์หรือจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกไม่ทันตามกำหนดเวลาส่งผลให้ไม่สามารถยื่นเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ได้ภายในวันสิ้นสุดโครงการฯ (31 ธันวาคม 2555) จึงผ่อนผันให้ผู้ขอใช้สิทธิฯ นำเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมมายื่น ณ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขาภายในระยะเวลา 90 วันนับจากวันถัดจากวันรับมอบรถยนต์ ดังนี้
(1) หนังสือสัญญายินยอมสละสิทธิ์การโอนรถยนต์ใหม่คันแรก
(2) สำเนาหลักฐานการซื้อขายรถยนต์
  (2.1) กรณีการซื้อด้วยเงินสด
- สำเนาใบเสร็จรับเงินหรือสำเนาสัญญาซื้อขาย
- สำเนาเอกสารการรับมอบรถยนต์
  (2.2) กรณีเช่าซื้อ
- สำเนาใบเสร็จรับเงิน
- สำเนาเอกสารการรับมอบรถยนต์
- สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ
  (3) สำเนาคู่มือจดทะเบียน

3. หากผู้ขอใช้สิทธิฯ ไม่ดำเนินการตามข้อ 3.1 และนำเอกสารเพิ่มเติมในข้อ 3.2 มายื่น ณ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขาภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าผู้ขอใช้ สิทธิ ฯ ไม่ประสงค์จะขอรับเงินคืนตามโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกและจะเรียกร้องสิทธิฯ และค่าเสียหายใด ๆ กับทางราชการไม่ได้
อนึ่ง เพื่อให้นโยบายรัฐบาลในเรื่องรถยนต์ใหม่คันแรกประสบความสำเร็จตามเป้าหมายและให้เกิดความคล่องตัว ควรให้กรมสรรพสามิตสามารถกำหนดแนวปฏิบัติเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีต่อไปได้
4. ผู้ขอใช้สิทธิฯ จะได้รับเงินคืนหลังจากครอบครองรถยนต์ใหม่คันแรกไปแล้ว 1 ปี หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กรมสรรพสามิตกำหนด ทั้งนี้ ชื่อผู้ซื้อที่ระบุในใบจองรถยนต์ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 จะต้องเป็นบุคคลเดียวกันกับผู้ซื้อรถยนต์ที่ยื่นขอใช้สิทธิฯ ดังกล่าวเท่านั้น หากเป็นบุคคลอื่นจะไม่ได้รับสิทธิฯ เพื่อเป็นการป้องกันมิให้มีการซื้อและขายใบจองรถยนต์
แหล่งที่มา Mthai News 

วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คลังขยายยืดมอบรถคันแรกถึงกลางปี2556



คลังขยายยืดมอบรถคันแรกถึงกลางปี2556
HONDA JAZZ  2012
ก็ขอแสดงความยินดีให้กับตัวเอง และอีกหลายๆ ท่านที่มีโครงการจะใช้สิทธิ์ซื้อรถคันแรก  หลังจากได้ทราบข่าวคราวความคืบหน้าที่รัฐบาล  โดยกระทรวงการคลัง ขยายยืดมอบรถคันแรกถึงกลางปี2556 เข้าสู่  ครม.  ผมเชื่อว่าหลายท่านก็คงใจจดใจจ่อในเรื่องนี้ เช่นเดียวกับผม ที่ความฝันใกล้เป็นความจริง  กับโครงการรถคันแรก  เปล่าไม่ใช่ผมยังไม่มีรถยนต์ขับนะครับ  เพียงแต่ในช่วงนี้  มองไปทางไหน  ก็เห็นใครๆ ก็เห่อกับโครงการรถคันแรกของรัฐบาลยุคนางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  ที่นำโครงการดีๆ  ให้กับประชาชน และเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ที่จริงแล้วผมมีความตั้งใจที่จะซื้อรถยนต์ให้กับลูกสาวเมื่อเรียนจบปริญญา  เพื่อเป็นของขวัญจึงได้มองหารถสักคัน  ตอนแรกสนใจค่ายของ TOYOTA  VIOS 2012  แต่ภรรยาไม่ชอบก็เลยหันไปมองค่ายของ HONDA  ไปสนใจตัว  HONDA JAZZ  2012  V-AT  แต่ขอโทษทีเชื่อไหมครับไปดูแต่ละศูนย์ที่อยู่ใกล้บ้าน (บางพลี สมุทรปราการ) ปิดการรับจองไปหมดแล้ว ผมงี้ปวดหัวเลยหวังจะใช้สิทธิ์กับเขาสักหน่อย แต่ด้วยความไม่ย่อถ้อและด้วยความหวังที่ผมคิดไว้ว่ารัฐบาลน่าจะมีโครงการขยายเวลาโครงการรถคันแรก จึงได้ทำสัญญาจองรถไว้ถึงแม้ว่าเซลล์จะบอกว่าอาจจะไม่ทันตามกำหนดของโครงการก็ตาม นั่นคือรับรถปี 2556  นั่นเอง  หลังจากได้ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดทำให้ผมมีความหวังที่จะได้ภาษีสรรพาสามิตคืน (เสียภาษีจากการทำงานมานานหลายปี แต่ละปีไม่น้อย  ได้คืนมาเสียบ้างก็ดี เงินนะครับ...) พอดีผมได้ติดตามข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ จึงนำข้อมูลมาเผยแพร่ให้หลายๆ ท่านได้หายใจทั่วท้อง

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 17 ก.ค.2555 นี้ กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิตจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาแก้ไขระเบียบโครงการรถยนต์คันแรก เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาแก่ผู้บริโภคหลังจากโครงการนี้ได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา โดยจะเสนอให้ผู้ซื้อสามารถเลื่อนระยะเวลาการรับรถยนต์ออกไปได้จนถึงกลางปีหน้า จากเดิมกำหนดให้ผู้ซื้อต้องซื้อและรับรถยนต์ภายในสิ้นปีนี้ แต่ผู้ซื้อจะต้องนำใบจองซื้อรถยนต์มาแสดงสิทธิที่กรมสรรพสามิตภายในสิ้นปีนี้
เธอกล่าวว่า เหตุที่ต้องเลื่อนระยะเวลาการรับรถยนต์ เพราะที่ผ่านมา กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ทำให้ไม่สามารถผลิตรถยนต์ส่งให้แก่ลูกค้าได้ทัน ทำให้โครงการนี้ มียอดการใช้สิทธิน้อยมาก แต่ขณะนี้ บริษัทรถยนต์สามารถกลับมาผลิตได้เหมือนเดิม แต่ก็ยังไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ได้ทันตามกำหนด เพราะปริมาณคำสั่งซื้อมีเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะรถยนต์ที่เข้าข่ายได้สิทธิในโครงการรถยนต์คันแรก จึงต้องผ่อนปรนเงื่อนไขการรับรถยนต์ดังกล่าว
ขณะนี้ ยอดจองซื้อรถยนต์มีเข้ามาเยอะมาก อาจทำให้การส่งมอบรถยนต์ไม่ทันตามกำหนดของโครงการ คือ ภายในสิ้นปีนี้ ดังนั้น ทาง รมว.คลังและกรมก็เห็นว่า ควรที่จะขยายระยะเวลาการส่งมอบรถยนต์ในโครงการนี้ โดยท่านกิตติรัตน์ได้ให้นโยบายว่า ถ้าคนที่เข้ามาซื้อรถยนต์และแสดงสิทธิการซื้อรถยนต์ต่อกรมสรรพสามิตได้ทันในวันที่ 31 ธ.ค. 2555 และรับรถยนต์ภายในกลางปีหน้า ก็สามารถที่จะใช้สิทธิในโครงการนี้ได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันมียอดเคลมขอคืนเงินจากโครงการนี้ประมาณ 8.6 หมื่นคัน คิดเป็นวงเงินประมาณ 6.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ มียอดจองซื้อรถยนต์ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทอีกจำนวนประมาณ 4.5 แสนคัน ที่ยังไม่ได้แสดงขอใช้สิทธิ ในจำนวนนี้มีผู้ซื้อประมาณ 2.2 แสนรายที่เข้ามาเช็คสิทธิจากกรมขนส่งทางบก จึงเชื่อว่า แนวโน้มการใช้สิทธิในโครงการนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่จำนวน 5 แสนคัน
แหล่งที่มา:กรุงเทพธุรกิจ
-->